อย่างนี้...จะเรียกว่าความรักได้รึเปล่า - อย่างนี้...จะเรียกว่าความรักได้รึเปล่า นิยาย อย่างนี้...จะเรียกว่าความรักได้รึเปล่า : Dek-D.com - Writer

    อย่างนี้...จะเรียกว่าความรักได้รึเปล่า

    ท่านสามารถเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง พี่ชาย กับ น้องสาว ที่ไม่เกี่ยวโยงกันโดยสายเลือดคู่นี้ว่า ความรัก ได้หรือไม่

    ผู้เข้าชมรวม

    1,288

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1.28K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ม.ค. 51 / 22:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                  สวัสดีค่ะ คุณพี่...ร่างๆ หนึ่งเข้าสวมกอดเด็กหนุ่มนามเบิร์ดทันที อ้อมกอดอันอบอุ่นได้บอกว่าร่างๆ นั้นต้องเอาเรื่องสำคัญมาบอกเขาแน่

       

                      หนูสอบมหิดลติดแล้วค่ะเด็กสาวเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มแห่งความปีติจากดวงหน้าของเธอได้ส่งมายังบุคคลที่เธอเรียกว่า พี่ชาย

       

                  ดีใจด้วยนะ ที่พิงค์สอบได้เบิร์ดเอ่ยขึ้นพร้อมกับตบไหล่เด็กสาวในอ้อมกอดของเขาเบาๆ

       

                  ยังหรอกค่ะ ที่ผ่านก็แค่ข้อเขียน ยังเหลือสอบสัมภาษณ์อยู่ แต่แค่นี้ก็ดีใจแล้ว บัดนี้ สายตาของ น้องสาวเริ่มฉายความกังวลนิดๆ

       

                      เอาน่า สู้ๆ ละกัน พี่จะคอยเป็นกำลังใจให้...

       

                      แล้วพี่ละคะ.............ฝ่ายน้องสาวเริ่มแสดงอาการเป็นห่วงบ้าง.........แต่คำถามนี้กลับทำให้พี่ชายของเธอถึงกับเกิดอาการสะอึก

       

                      พี่เองก็ยังไม่รู้ในอนาคตตัวเองเลย ก็คงแล้วแต่โชคชะตาฟ้าจะกำหนดละมั้งพี่ชายพูดเสียงอ่อย พร้อมกับถอนหายใจหนึ่งเฮือก

       

                      หนูขอเป็นกำลังใจให้นะคะคุณพี่ แล้วถ้ามีอะไรให้หนูช่วยหรือมีอะไรไม่เข้าใจก็บอกมาได้เลยนะ น้องคนนี้ยินดีช่วยเสมอ.................

       

                  อืม.....พี่ชายรับคำ พร้อมกับเดินจากไป

       

       

       

                      นี่ถ้ามีใครมาเห็นคงคิดว่าเราต้องเป็นแฟนกันแน่ๆ หรือไม่ก็คงเป็นพี่น้องกันจริงๆ แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ผมกับพิงค์เพิ่งจะมารู้จักกันปีกว่าๆ เอง ตอนนั้น เพื่อนสนิทผมกับเพื่อนสนิทพิงค์ยังเป็นแฟนกันอยู่

       

                      สวัสดี เธอชื่ออะไรนะผมถามเด็กหญิงที่เดินคู่มากับหวานใจของเพื่อนสนิทผม

       

                      เราชื่อพิงค์น่ะ เธอล่ะเธอตอบเรียบๆ

       

                  เบิร์ด....

                     

       

      ด้วยความที่สองคนนั่นมัวแต่หวานกันอยู่ เราก็เลยสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ และด้วยความที่ผมอายุมากกว่าเธอปีกว่าๆ เธอจึงเริ่มเรียกผมว่า พี่ชาย

       

                  นับจากนั้น เธอก็เรียกผมเช่นนั้นมาตลอด จนเวลาผ่านไป บท พี่ชาย- น้องสาวของเราก็เริ่มซึมซับเข้าสู่จิตใต้สำนึกมากขึ้นเรื่อยๆ จนผมเริ่มรู้สึกว่าผมได้น้องสาวเพิ่มมาอีกคน ส่วนพิงค์นั้นไม่เคยมีพี่ชายมาก่อน สำหรับเธอแล้ว มันคงเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่เลยทีเดียว

       

                      ยิ่งเราไปไหนมาไหนด้วยกัน คนก็มักจะทักว่าเราเป็นแฟนกัน แต่กลุ่มเพื่อนสนิทไม่กี่คนก็รู้ว่ามันไม่ใช่ ซึ่งโดยปกติแล้วผมก็คิดเช่นนั้น แต่ก็มีบางครั้งที่สงสัยตัวเองเหมือนกันว่า ความรู้สึกที่ผมมีให้นั้นเป็นความรู้สึกอย่างที่พี่ชายมีให้กับน้องสาวจริงๆ หรือว่า เป็นความรักระหว่างหนุ่มสาวกันแน่ ซึ่งตัวอย่างก็มีให้เห็น อย่างเช่น

       

                      พี่เบิร์ด เอกับบีชวนเราไปสยามพรุ่งนี้น่ะ ไปด้วยกันมั้ยเอกับบี...คนหนึ่งคือเพื่อนสนิทที่รู้ว่าผมกับพิงค์ไม่ใช่แฟนกัน ส่วนอีกคนไม่ค่อยสนิท แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น ผมก็ยังค่อนข้างมั่นใจว่า....ทั้งคู่ชอบน้องสาวของผม เพียงเท่านั้นก็มากพอที่จะให้ผมตอบว่าไปแทบจะทันที ผมรีบพยักหน้าแสดงความคิดของผมออกไป

       

                  คำตอบของผมทำให้เธอกลับบ้านด้วยความลิงโลด

       

                      วันรุ่งขึ้น ผมนึกขึ้นได้ว่าลืมถามว่าใครไปมั่ง แต่ก็ช่างมันเถอะ เรารับปากน้องสาวเราไปแล้วนี่...........

       

                      และเมื่อผมไปถึง ผมก็ได้รับคำตอบของคำถามที่ผมลืมถามอย่างที่คาดเดาไว้แล้ว เราไปกันแค่ 4 คน!!!

       

                      แล้วคนอื่นๆ ล่ะ ไม่มาเหรอผมรีบถามทันทีที่เจอพิงค์ เธออยู่กับนายเอ และนายบี

       

                      ก็ไม่ว่างซักคนเลยนี่ เลยมากันแค่นี้ไง.......ดีนะเนี่ยที่เรามาด้วย ไม่งั้นเกิดศึกชิงนางแน่ๆ

       

                  แม้ผมจะเคยคิดว่า ศึกชิงนางบางทีก็น่าดูเหมือนกัน แต่ผมก็ยอมไม่ได้ ถ้ามันจะเกิดกับพิงค์ และแน่นอน ผมสามารถระงับมันได้.......เพราะการไปเที่ยวครั้งนี้ การดำรงอยู่ของผมได้ดึงความสนใจของเธอมาที่ผมทั้งหมด ปล่อยให้เอ กับ บี นั่งคุยกันเอง....สองคนนั่นคงเซ็งน่าดู มันคงแอบด่าเราอยู่แน่ๆ แต่ไม่เป็นไรหรอก เรื่องแค่นี้ น้องคนเดียว ทำไมจะทำให้ไม่ได้

       

       

                     

                      หลายเดือนผ่านไป ลมหนาวที่หาได้ยากยิ่งนักในประเทศเขตร้อนเยี่ยงนี้ได้บอกกับผมว่า ใกล้จะจบปีการศึกษานี้แล้ว นั่นหมายความว่าเวลาที่ผมจะได้ใกล้ชิดกับเธอ มันกำลังจะหมดลงด้วย หลังจากนั้น เธอจะได้เดินตามเส้นทางแห่งความฝันของเธอ ส่วนผมนั้น แม้จะยังไม่แน่ใจว่าผมจะเดินไปตามเส้นทางไหน แต่มันไม่ใช่เส้นทางเดียวกับที่เธอกำลังจะเดินไปแน่ๆ แต่สถานการณ์ทุกอย่างมันช่างไม่เหมาะกับเวลาแห่งการลาจากเสียจริง เรายังมีความสุขกับเวลาที่ได้ใช้ไปด้วยกัน ซึ่งมันก็คงจะสร้างความปวดร้าวให้กับผมและพิงค์หนักหนาพอควรเมื่อวันนั้นมาถึง

       

                      แต่นั่นยังไม่พอ เพราะผมเองก็ยังตอบคำถามที่ตัวเองสงสัยมานานไม่ได้ ความรู้สึกที่ผมมีให้กับพิงค์มันคืออะไรกันแน่ พิงค์เองกำลังมีความคิดแบบเดียวกันนี้อยู่รึเปล่านะ ผมครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่หลายวัน จนในที่สุด ผมก็บอกเรียกเธอมาคุย

       

                      พิงค์ เรา...

                  เรา...พิงค์เอ่ยขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เพราะผมไม่ได้เรียกเธอด้วยคำๆ นี้มานานแล้ว แต่อย่างน้อยมันก็สร้างความมั่นใจให้กับมากกว่าที่จะเรียกตัวเองว่า พี่

       

                  อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เรากำลังจะพูดต่อไปนี้นะ เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่ามันจริงรึเปล่าคำพูดของผมทำให้พิงค์ยิ่งแปลกใจเข้าไปใหญ่

       

                      ใครทำอะไรไว้เหรอพิงค์เริ่มเดาสิ่งที่ผมจะพูด หารู้ไม่ว่าการคาดเดาของเธอนั้นช่างห่างไกลความเป็นจริงนัก

       

                      คือเรา...ชอบเธอน่ะทันทีที่คำพูดของผมหลุดออกจากปากไป หัวใจของผมก็ลงไปกองที่ตาตุ่ม ผมรอดูปฏิกิริยาของเธออย่าละเอียด ท่าทางและแววตาที่เปลี่ยนไปทุกๆ เสี้ยววินาที แต่รอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์กลับปรากฏขึ้นบนใบ้หน้าของเธอ

       

                      โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร........ถ้าจะทำแบบนี้ ทำให้มันเนียนกว่านี้หน่อยสิ

       

                  ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความพยายามครั้งนี้ต้องไม่สูญเปล่าสิ ผมแกล้งหัวเราะในลำคอให้เธอได้ยิน ผมใช้สายตาของผมประสานเข้ากับสายตาของเธอ...

       

                      แล้วถ้ามันจริงล่ะบัดนี้กลับเป็นฝ่ายเธอที่เริ่มหลบสายตาผม ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ หยดน้ำเริ่มไหลออกมาทางหางตาของเธอ แม้มันจะเพียงแค่หยดเดียว แต่มันก็สามารถสื่อถึงสิ่งที่อยู่ในใจของเธอได้มากที่เดียว

       

                      แต่เบิร์ดบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเบิร์ดเองก็ยังไม่รู้ว่ามันจริงรึเปล่าผมได้แต่พยักหน้า

       

                  จะว่าไป เรื่องนั้นเราเองก็ยังไม่รู้คำตอบเหมือนกัน พิงค์ว่าเรากลับไปคิดหนึ่งคืนแล้วเขียนคำตอบใส่กระดาษมาพรุ่งนี้ดีกว่าไหมเธอยื่นกระดาษทดแผ่นหนึ่งให้

       

                  อืม.........เป็นการตอบรับของคนที่สติไม่อยู่กับตัวแล้ว

       

       

                  คืนนั้น เป็นคืนที่ผมแทบไม่ได้นอนเลย ผมครุ่นคิดอยู่ทั้งคืน มีหลายครั้งที่ผมพยายามจะนอน แต่ก็นอนไม่เคยหลับ หลายครั้งอีกเช่นกันที่ผมจะเขียนคำตอบลงไป แต่ก็ไม่เคยกล้า จะว่าผมกลัวการมีอยู่ของคำตอบของคำถามนี้ก็ดูจะไม่ผิดเท่าใดนัก ผมเฝ้านึกถึงความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นเมื่อเราได้ใช้เวลาร่วมกัน เวลาที่ดีใจ โศกเศร้า ตื่นตระหนก เวลาที่เราช่วยกันท่องตำราเรียน เวลาที่ไปเที่ยวด้วยกัน เราตอนที่อยู่กันสองคน เวลาที่เราอยู่กับเพื่อนๆ ของเรา ความรู้สึกเมื่อมีใครมานินทาเธอต่อหน้าผม ความรู้สึกเมื่อมีเพื่อนมาบอกผมว่าเขาชอบเธอ และอีกหลายๆ อย่าง..........

       

                      หมอนที่ผมใช้หนุนหัวอยู่ทุกวันเต็มไปด้วยรอยน้ำตาแห่งความสับสน ความรัก ความโศกเศร้าที่เราจะต้องจากกันในเวลาอันใกล้ และอีกสารพัดความรู้สึก..........

       

                      จนในที่สุด ผมก็ได้ตัดสินใจเขียนประโยคๆ หนึ่งลงไว้ในกระดาษแผ่นนั้น เสร็จแล้วผมก็กำมันไว้แน่น พร้อมกับพับเก็บใส่กระเป๋า..........

       

       

                      ด้วยความที่ไม่ได้นอน ผมจึงไปเรียนด้วยความสะลืมสะลือ ความรู้ที่อาจารย์พยายามถ่ายทอดให้ผมนั้นผ่านเข้าหูซ้ายและทะลุออกหูขวา ก็หัวใจผมตอนนี้วนเวียนอยู่แต่กับพิงค์แล้วนี่

       

                      จนในที่สุด ผมกับพิงค์ก็ได้เจอกันตรงม้านั่งประจำหลังเลิกเรียน ขอบตาของเธอดูดำคล้ำขึ้นมาต่างจากเมื่อวานดั่งเห็นได้ชัด นั่นแสดงว่า เธอก็คงจะไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน มาไม่ต่างจากผม แววตาของเธอดูกังวล อาจจะมาจาก เรื่องคำตอบของเธอ คำตอบของผม หรือเรื่องอื่นๆ ก็ได้ แต่เมื่อผมจะเอ่ยปากพูด...

       

                      “…” เธอยกมือห้ามไว้แทบจะทันที พร้อมกับพูดว่า

                      มาแลกกันอ่านคำตอบพร้อมกันนะผมทำตามอย่างไม่บิดพลิ้ว ผมยื่นแผ่นกระดาษของผมให้เธอในเวลาเดียวกับที่เธอยื่นมาให้ผม

       

                      ตอนนี้ ผมแทบไม่ได้สติแล้ว ผมตื่นเต้นมากกับคำตอบของเธอ กลัวว่าเธอจะให้คำตอบที่ต่างไปจากผม หากเป็นเช่นนั้น อะไรจะเกิดขึ้นกับมิตรภาพระหว่างเราที่เคยมีมายาวนาน เราจะมองหน้ากันติดไหม เพื่อนๆ ของพวกเราล่ะ.........

       

                      ผมทำใจให้สงบพร้อมกับค่อยๆ คลี่กระดาษแผ่นนั้นแล้วอ่านออกมา ทันใดนั้นผมก็ละสายตาจากกระดาษประวัติศาสตร์แผ่นนั้นไปมองยังใบหน้าเจ้าของกระดาษแผ่นที่ว่า ไม่ถึงวินาทีต่อมา เธอก็ละสายตาจากคำตอบที่ผมให้เธอมามามองผมเช่นกัน เราสวมกอดกัน น้ำตาและรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเราทั้งคู่..........ไม่มีอะไรจากพรากเราใจของเราไปจากกันและกันได้อีกแล้ว

       

                  เราเป็นพี่น้องกันต่อไปเถอะนะ

       

       

      ประเด็นสำคัญ: จำเป็นด้วยหรือ ที่ความรักจะต้องปรากฏอยู่ในรูปแบบเดียวเสมอไป ความรักอันบริสุทธ์นั้นสามารถปรากฏขึ้นได้หลายๆ รูปแบบ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้แสดงให้เห็นถึงรูปแบบหนึ่งของความรักที่แตกต่างไปจากรูปแบบที่เราคุ้ยเคยกันดี

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×